วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ชาผูเอ๋อร์สุก คืออะไร ?

ชาผูเอ๋อร์ที่ใช้กระบวนการหมักด้วยเทคนิคพิเศษ เพื่อเร่งอายุใบชา เรียกว่า ชาสุก
ชาสุกจะใช้วัตถุดิบจากใบชาดิบที่ผ่านกระบวนการต่างๆมาเรียบร้อยแล้ว จึงนำมา
หมักบ่มในโรงหมักปลอดเชื้อซึ่งต้องควบคุมอุณหภูมิและความชื้นตลอด 24 ชม.
ระยะเวลาการหมักนี้จะใช้เวลาโดยประมาณไม่เกิน 90 วัน




หากย้อนไปในสมัยอดีตชาผู่เอ๋อร์มีเฉพาะแค่ชาดิบเท่านั้น การจะดื่มชาผู่เอ๋อร์ ที่รสชาติดีได้นั้น
จะต้องนำชาอัดก้อนไปเก็บไว้เป็นระยะเวลา นับสิบปีก่อนถึงจะนำมาดื่มซึ่งต้องใช้ความอดทนรอ
อย่างยาวนาน ซึ่งเทคนิคการหมักชาผู่เอ๋อร์ของโรงงานเมิ้งไห่เพิ่งจะคิดค้นได้ครั้งแรกในปี 1973
ถือเป็นการพลิกประวัติ์ศาสตร์วงการชาผูเอ๋อร์เป็นอย่างมากในสมัยนั้น และก็ได้มีการพัฒนาสูตร
การหมักชาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาคุณประโยชน์จากใบชาเอาไว้ให้ได้มากที่สุดอีกทั้งการหมัก
ชาที่ได้รสชาติที่หลากหลาย ทำให้ยี่ห้อต้าอี้มีผลิตภัณฑ์ชาสุก ส่งสู่ท้องตลาดชาเยอะมากที่สุด
ในปัจจุบันนี้


เทคโนโลยีการหมักหรือเร่งอายุใบชาโดยใช้เชื้อจุลินทรีย์เป็นตัวเข้าช่วยให้ชาสุกเร็วขึ้นนั้น ก็มี
ทั้งข้อดีและข้อเสียที่เกิดขึ้นระหว่างการหมัก ข้อดีที่เกิดขึ้นคือจะได้รสชาติที่นุ่มละมุน ดื่มง่าย
กลิ่นหอม สารคาเฟอีนและแทนนินจะถูกจุลินทรีย์ย่อยสลายไประหว่างกระบวนการหมักใบชา
จะมีสารบางชนิดที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติของใบชา เพิ่มขึ้นมาระหว่างการหมักซึ่งสารหลาย
ชนิดที่เพิ่มขึ้นมาล้วนมีคุณประโยชน์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต และช่วยลด
ระดับคลอเรสเตอรอลในเลือดได้ดี (อ่านต่อสารประกอบในชาสุก) ข้อเสียที่เกิดขึ้นคือรสชาติ
ที่ไม่สามารถเลียนแบบการหมักตัวตามธรรมชาติได้ หากเราเก็บชาดิบให้กลายเป็นชาสุกเอง
ตามธรรมชาติก็อาจจะใช้ระยะเวลานานนับสิบปี ซึ่งรสชาติของหมักตัวตามธรรมชาติของชาดิบ
นั้น ความหวาน ความหอม ความชุ่มคอจะมีมากกว่าชาสุกที่เร่งอายุอยู่มากนั้นเอง

ชาผูเอ๋อร์สุกเป็นชาที่เหมาะกับผู้ที่เริ่มต้นดื่มชาผูเอ๋อร์และผู้ที่ไม่เคยดื่มชา เพราะรสชาติจะนุ่มนวล ดื่มง่าย ด้วยเทคนิคพิเศษลับแบบฉบับต้าอี้
ทำให้การหมักชาได้รสชาติที่แตกต่างจากชาสุกยี่ห้ออื่น ๆ ซึ่งคนที่ไม่เคยดื่มชาผูเอ๋อร์ ถ้าหากลองดื่มครั้งแรกจะรับรู้ได้ถึงกลิ่นไม่พึงประสงค์
(กลิ่นหมัก)ซึ่งทางต้าอี้เล็งเห็นว่าการขจัดกลิ่นหมักย่อมทำได้และทำให้คนที่ต้องการดื่มชาผู่เอ๋อร์เพื่อสุขภาพหันมาดื่มชาผู่เอ๋อร์กันได้ไม่ยาก

ชาสุกอุดมไปด้วยสารต่างๆที่ช่วยในด้าน ลดน้ำตาลในเลือด ลดคลอเรสเตอรอลในเลือด และลดความดันโลหิต ซึ่งหากจะต้องการดื่มเพื่อหวัง
ผลก็ต้องเคร่งครัดในการกิน ดื่ม การดื่มหลังอาหารจะได้ผลดีมากที่สุด ความเชื่อที่ผิดๆ ที่ว่าชงเข้มๆจะทำให้ได้ผลดี การที่เราชงเข้มซึ่งจะทำ
ให้ร่างกายของเราดูดซึมยาก และการที่เราดื่มที่ละมากๆในครั้งเดียวก็ไม่สู้ดื่มแต่น้อยค่อยๆจิบ ระดับการชงความเข้มข้นที่ดื่มดีที่สุด คือ สีของ
น้ำชาต้องสว่างสามารถส่องมองเห็นแสงทะลุไปอีกฝั่งนึงของแก้วได้ ควรดื่มขณะร้อนหรืออุ่น ไม่ควรแช่เย็นแล้วดื่มจะไม่เห็นผลตามต้องการ

ชาสุกหากเก็บรักษาไว้ในสถานที่เหมาะสมจะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาการของใบชาไปในทางที่รสชาติดีขึ้นเพราะด้วยสูตรการหมักหลายระดับการหมักแบบอ่อนๆทำให้ยังคงลักษณะเด่นของชาดิบในเรื่องการพัฒนาด้านรสชาติต่อไปได้ หากเก็บไว้รสชาติจะหวานขึ้นชัดเจน คุณประโยชน์เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเราจะเก็บชาดิบหรือชาสุกล้วนได้รับการพัฒนาด้านรสชาติทั้งสิ้น



http://www.misterpuerh.com/article/%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%8B%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%81-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3



วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2559


วิธีการชงชาผูเอ๋อร์ อย่างง่ายๆ และ ได้มาตรฐาน


ชาผูเอ๋อร์ขั้นตอนการชงชาเหมือนชาอื่นๆ ทั่วไป ไม่ได้ยากเย็นอย่างที่คิด แต่ขั้นตอนที่ยากนั้นจะอยู่ที่การ
แซะชาออกมาจากก้อนเพื่อชงดื่มนี่สิจะต้องออกแรงกันสักหน่อย บางทีเจอชาที่อัดมาเป็นทรงก้อนอิฐแข็งมาก
ก็คงต้องวิธีและเทคนิคเล็กๆน้อยๆ ซึ่งจะกล่าวในบทความนี้

- กรแซะชาออกจากแผ่น/ก้อน
ให้นำก้อนชาใส่ในภาชนะที่ขอบสูง หรือถาดรองแซะชา เพื่อง่ายต่อการตักหรือหยิบใบชาที่เราแซะออกมาแล้ว
นำมีดแซะชา หาไม่มีแนะนำส้อมชนิดหนา(หาง่ายสุด) ให้ทิ่มมีดแซะลงไปในเนื้อชาส่วนใดก็ได้โดยที่ทำองศา
75 จากพื้นผิวชาโดยประมาณและออกแรงกดเล็กน้อยให้มีดแซะเข้าไปในเนื้อชา 3-5 มิล โดยประมาณแล้วงัด
ขึ้นใบชาก็จะหลุดออกโดยง่าย     (หากก้อนชาแข็งมากต้องทิ่มมีดแซะในแนวดิ่งและออกแรงกดเต็มที่แล้วงัด)
 <เทคนิค>พยายามแซะให้ชายังคงรูปใบสวยงามถ้าทำได้เพราะจะชงออกมาได้รสชาติที่ดีกว่าเป็นเศษเล็กๆ
 <เทคนิค>ไม่ควรแซะชาจะหมดก้อนในคราวเดียวเพราะชาจะหยุดการพัฒนาด้านรสชาติ เว้นแต่ว่าจะใช้ชง
                  
ดื่มหมดภายใน 7-14 วัน
หลังจากแซะชาจนได้ปริมาณพอที่จะนำมาชงแล้วให้เก็บที่เหลือในภาชนะใส่ชาที่ทำจากดินเผาหรือที่อากาศ
ถ่ายเทได้ ถุงกระดาษ ถุงซิบ กระป๋องกระดาษ ไม่ควรปิดทึบแบบสูญญากาศหรือแช่ตู้เย็น

- วิธีชงด้วยกากดสะดวกชง  (ความยาก 1/5)
มาตราฐานการชงขอผูเอ๋อร์ต้าอี้จะอยู่ที่สัดส่วน 1:20 ในที่นี้คือ ชา 1 กรัมต่อภาชนะชง(ที่จะแช่น้ำชา) 20 cc
กากดขนาดไซส์เล็กของยี่ห้อต้าอี้ ที่ใส่ใบชาส่วนบนจะมีความจุ 120 cc ในที่นี้เราจึงใช้ใบชา ปรมาณ 6 กรัม
ใส่ใบชาไป และเติมน้ำร้อน 95-100 องศา ใส่พอท่วมใบชา แช่ทิ้งไว้ 3-5 วินาทีจึงกดน้ำให้ทิ้งลงไปด้านล่าง
และเทน้ำทิ้งน้ำแรกเราจะเป็นการปลุกชาหรือล้างใบชา หลังจากทำการล้างใบชาหรือปลุกใบชาเรียบร้อนแล้ว
ให้เติมน้ำร้อนอีกครั้งและแช่ทิ้งไว้ 10-15 วินาที และจึงกดปุ่มเพื่อให้น้ำชาลงด้านล่างและพร้อมดื่มได้ทันที
 <เทคนิค>ถ้าหากใบชาที่นำมาชงค่อนข้างร่วนให้ล้างทิ้งก่อน 1 ครั้ง แต่ถ้าเป็นก้อนแข็งให้ล้างทิ้ง 2 ครั้ง 
 <เทคนิค>ชาผู่เอ๋อร์เป็นชาที่ชงได้ทนไม่ต่ำกว่า 10 น้ำ ระยะเวลาการแช่ใบชามีผลแต่รสชาติอย่างมาก
 <เทคนิค>ไม่ควรแช่ใบชานานเกินกว่า 2 นาที จะทำให้สารแทนนินออกมาเกินความต้องการ (เฉพาะชาดิบ)


- วิธีชงด้วยก้ายหว่าน ถ้วยชงสไตล์จีน (ความยาก 4/5)
    มาตราฐานการชงขอผูเอ๋อร์ต้าอี้จะอยู่ที่สัดส่วน 1:20 เหมือนกับการชงโดยกากด แต่ชงโดยก้ายหว่านจะมี
เทคนิคเล็กน้อยระหว่างการชงซึ่งทำให้ชาที่เราชงขับรสชาติออกมาได้เต็มที่


- วิธีชงด้วยป้านชา กาดินเผา (ความยาก 4/5)
    มาตราฐานการชงขอผูเอ๋อร์ต้าอี้จะอยู่ที่สัดส่วน 1:25 เนื่องด้วยป้านดินจะให้ความร้อนที่สูงกว่าวัสดุชงชา
ชนิดอื่นทั่วไปทำให้ขับรสชาออกมาได้ดี แต่ก็จะมีข้อห้ามในการชงชาบางประเภทที่เป็นยอดอ่อนมากๆ


ข้อมูลจาก